โบราณ
กล่าววา “จงเอาเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา” หมายความว่า กามีความขยัน ตื่นแต่เช้าเพื่อบินไปหาอาหารเป็นคุณลักษณะที่มนุษย์ควรถือเป็นแบบอย่าง
แต่ในทางที่ไม่ดีของกาที่ไม่ควรเอาแบบอย่างคือ นิสัยขี้ลักขโมย ในทางพุทธศาสนา ท่านสรรเสริญความขยันว่าเป็นคุณธรรมสำคัญที่จะนำพาให้ประสบความสำเร็จ
หากอยากมีทรัพย์สมบัติ ท่านสอนว่าต้องขยันจึงจะหาทรัพย์ได้
หากอยากมียศตำแหน่งหน้าที่ ท่านสอนว่าต้องอาศัยนความขยันหมั่นเพียร หรือในที่สุด
แม้แต่การหลุดพ้นสิ้นกิเลสตัณหา ท่านก็สอนว่าบุคคลย่อมล่วงพ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นคนขยัน
ในทางพุทธศาสนาแนะนำวิธีฝึกง่ายๆ ดังนี้
๑.หัดเป็นคนตื่นเช้า
และอาบน้ำหลังตื่นเช้าจะช่วยขับไล่ความง่วงเหงาให้หายไป
แต่ถ้าสุขภาพไม่อำนวยก็ให้ถูตัวให้ทั่วอย่างแรงๆ เพื่อปลุกเส้นประสาทให้ตื่นตัว
๒.อย่าคิดแสวงหาความสุขสบายในการนอนอย่างเดียว
ให้พยายามหาธุระทำอยู่เสมอ แม้ในเวลาที่ต้องการพักผ่อนร่างกาย หรือพักสมอง
ก็ควรทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
๓.อย่าทำแต่สิ่งง่ายๆ
เพราะตามปกติกิจการที่ทำได้ง่าย
มักจะมีผลน้อยตรงกันข้ามสิ่งที่ทำได้ยากมักจะมีผลมาก การทำในสิ่งที่ยากก็ต้องเพิ่มความขยัน
ความเพียรและความตั้งใจมากขึ้นตามไปด้วย
๔.ต้องหัดเป็นคนตรงเวลา
เพราะการเป็นคนตรงเวลานั่นหมายถึงการมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง
เมื่อมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองแล้วก็ย่อมต้องมีความสัตย์กับผู้อื่นได้เช่นกัน
๕.จงคิดถึงความก้าวหน้าไว้เสมอ
ก่อนนอนควรกำหนดไว้ให้แน่นอนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง อาจกำหนดเป็นขั้นเป็นตอน
หรือถ้าเขียนได้ยิ่งเป็นการกระตุ้นการทำงานให้อยู่ในใจเสมอ
๖.ต้องหัดคิดพึ่งตนเองอยู่เสมอไม่ว่าจะทำอะไรหรือจะหวังผลอะไรต้องพึ่งตัวเองให้สุดความสามารถเสียก่อน
และต้องไม่คอยหวังผลอะไรจากผู้อื่น
ตลอดจนแน่ใจถึงขนาดที่ว่าต้องสามารถอยู่ได้คนเดียวในโลกนี้
ความขยันเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเราทุกคน
ไม่ต้องเสียเวลาเสาะหาจากที่ใดๆ
เป็นคุณธรรมขั้นสูงที่ทุกคนสามรารถฝึกหัดให้เกิดมีขึ้นได้ในทุกคน หากความขยันเป็นคุณสมบัติประจำตัวแล้ว
ชีวิตทั้งชีวิตก็จะก้าวหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว ลองฝึกดูตามวิธีข้างต้น
ต้องประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าในชีวิต อย่างแน่นอน
............................................