วงจรชีวิตของคนเราจะเริ่มต้นที่การเกิดและสิ้นสุดที่การตาย
ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ แต่ละชีวิตก็ต้องประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่สมหวังบ้าง
ผิดหวังบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง คละเคล้ากันไป
ความเป็นไปของชีวิตเหล่านี้ถ้าจะสรุปให้เป็นหัวข้อใหญ่ เพื่อเป็นคตินำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ดีงาม
ก็มีอยู่สี่เรื่องที่ควรคิดไว้เสมอคือ
๑.
ล้วนรอความตาย ทุกคนรู้ว่าต้องตาย แต่ถ้ารู้แบบถูกจุด
ความรู้นั้นจะให้อะไรกับเราหลายอย่าง เช่น รู้จักปล่อยวาง รู้จักพอ รู้จักให้อภัย
ซึ่งจะทำให้ความทุกข์น้อยลง ดังคำว่า “นึกถึงความตายสบายนัก
มันหักรักหักหลงในสงสาร”
๒.
เป็นไปตามกรรม ก่อนทำเราเป็นไทคือมีสิทธิเลือกทำได้
แต่หลังทำเราไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธผล
เมื่อรู้ว่าหนีกรรมไม่พ้นจึงควรใช้สิทธิ์นั้นอย่างเต็มที่ด้วยการเลือกทำแต่สิ่งที่ดีๆ
เท่านั้น
๓.
ซ้ำเติมด้วยโรค ร่างกายของทุกคน เปรียบเสมือนรังอันเป็นที่อยู่ของโรค
ตอนแข็งแรงเป็นหนุ่มเป็นสาวอาจยังไม่รู้สึก พออายุมากเรี่ยวแรงลดลงโรคก็ได้โอกาส
ที่ไม่เคยปวดก็ปวด ที่ไม่เคยเหนื่อยก็เหนื่อย มีแต่ทรุดโทรมลงทุกทาง
ยังไม่นับโรคภัยร้ายแรงที่จู่โจมเข้ามาตั้งแต่ก่อนวัยอันควร จึงต้องหมั่นรักษาสุขภาพ
ออกกำลังกายและหลีกเว้นสิ่งบั่นทอนสุขภาพเสีย
๔.
เพิ่มโชคด้วยบุญ ให้เวลาในชีวิตที่มีอยู่เป็นเวลาแห่งการสร้างความดีเท่านั้น
เพราะความดีหรือบุญนี้จะเป็นมิตรแท้เป็นที่พึ่งให้แก่ชีวิตทั้งในปัจจุบันและโลกเบื้องหน้า
แม้เราจะมีเรื่องอื่นต้องทำมากมาย
แต่ถ้ามีเวลาคิดถึงหลักว่า ทุกคนก็ล้วนรอความตายเป็นไปตามกรรม ซ้ำเติมด้วยโรค
แล้วพยายามบริหารจัดการชีวิตนี้โดยการเพิ่มโชคด้วยบุญ
ก็เท่ากับว่าสร้างที่พึ่งให้กับตนได้ แต่ถ้าวันหนึ่งๆ ไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย
จะเอาแต่การงาน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ที่อยากได้อย่างเดียว ชีวิตก็เตลิดไปเรื่อย
ไม่รู้ว่าจุดหมายของชีวิตคืออะไร อยู่ที่ไหน ทั้งที่คำตอบนั้น
บางทีก็ซ่อนอยู่ในสิ่งควรคิดใกล้ๆ ตัวแค่นี้เอง
......................................