วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตะพาบ


เรื่องเล่า – บันทึกกรรม
                ลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้าคนหนึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลของรัฐ ในต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง  ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน หมอน้องชายเล่าเรื่องแปลกๆ ของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง จึงขอเล่าต่อสู่กันฟัง...
                โรงพยาบาลแห่งนั้นเป็นโรงพยาบาลขนาดกลางประจำอำเภอซึ่งมีคนไข้ไม่มาก เพราะถ้าเป็นคนที่พอมีฐานะสักหน่อย หากมีอาการน่าเป็นห่วง ก็มักจะส่งตรงไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ ฉะนั้นหมอน้องชายจึงต้องรับหน้าที่เป็นทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นแพทย์เฉพาะทาง (ทุกโรค) เป็นศัลยแพทย์ผ่าตัด และแม้กระทั่งเป็นแพทย์เวร จากการสนทนาตอนหนึ่งหมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใดต้องผ่าตัดทุกลักทุเลซ้ำซากอย่างนี้เลย สามปีต้องตัดห้าครั้งและหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง ผู้ป่วยรายนี้ชื่อ “บุญมา” ครั้งแรกเข้าโรงพยาบาลก็เพื่อมาทำแผลนิ้วก้อย (นิ้วเท้า) ที่ถูกตะพาบน้ำกัด หมอให้ทายา กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ แล้วให้กลับบ้านได้ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ครึ่งเดือนต่อมา บุญมากลับมาใหม่ แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่ หมอตรวจพบว่าเชื้อโรคกินเข้ากระดูก ถึงขั้นจะต้องตัดนิ้วเท้าเพื่อไม่ให้เน่าลุกลามจนอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ หลังจากนั้นครึ่งปี บุญมาไปเที่ยวเล่นน้ำ เขาถูกตะพาบกัดที่นิ้วเท้าอีก อะไรจะบังเอิญได้ถึงขนาดนั้น นิ้วเท้าของบุญมาซึ่งถูกตะพาบกัดครั้งที่สองอักเสบบวมภายในเวลาไม่ถึงสองวัน เมื่อฉายเอ็กซเรย์ก็พบว่า เชื้อโรคกินเข้าไปถึงกระดูก จึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว
                เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี นายบุญมากลับมาที่โรงพยาบาล ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นมาพร้อมๆ กัน พอเอ็กซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินถึงกระดูกอย่างรุนแรง ลึกมาก เชื้อโรคนั้นกำลังก่อตัวคล้ายมะเร็ง จะต้องตัดฝ่าเท้าออกให้หมด ก่อนที่จะลุกลามไปกันใหญ่ บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงยี่สิบกว่าวันด้วยสภาพของผู้ป่วยอวัยวะด้วน
                วันหนึ่งลูกชายของญาติบุญมา มาอุปสมบท เขาจึงไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวชนอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน เคราะห์หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้น หนูตัวหนึ่งเจาะจงมากัดตรงขาด้วนๆ ของเขาคนเดียว คนอื่นๆ ตั้งมากมายก็ไม่เห็นโดนอะไร บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวด คนที่นอนอยู่ด้วยกันตกใจกับเสียงร้อง พากันตื่นหมด แผลที่หนูกัดไม่กว้าง ไม่ลึกนัก มีเลือดซึมออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนก็พากันตกใจที่อยู่ดีๆ ทำไมมีหนูมากัดคนนอนหลับ เห็นแต่หนูมักจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น ไม่ค่อยจะพบหนูกัดคนเป็นๆ บุญมาขวัญเสียเป็นอันมาก เขาถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้า มันทารุณจิตใจตลอดเวลา ไม่นานต่อมาก็เกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่เท้าอีก บุญมาจึงรีบไปหาหมอโดยเร็ว ผลการฉายเอ็กซเรย์ครั้งนี้ปรากฏว่าเชื้อมะเร็งลามลึกเข้าไปอย่างมาก จำเป็นต้องจัดการตัดขาทั้งท่อนทิ้งไป หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของไข้แปลกใจในชะตากรรมของบุญมายิ่งนัก จึงพูดคุยซักถามประวัติย่ออย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ได้ความว่า บุญมาชายอายุสี่สิบสามปี อาชีพเกษตรกรรม และรับจ้างก่อสร้าง ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ ชอบแกล้มเหล้าด้วยปลาน้ำจืด โดยเฉพาะชอบกินเต่า กินตะพาบ บุญมาเคยได้ยินมาและเป็นความเชื่อฝังใจว่าใครกินตะพาบน้ำได้สิบถึงยี่สิบตัวแล้ว ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบเลย อีกทั้งยังช่วยบำรุงไต บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำมาผัดเผ็ดแกล้มเหล้าขาวกิน
                บุญมากินตะพาบน้ำมาแล้วไม่ใช่แค่ยี่สิบตัว แต่กินมาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ซึ่งนับไม่ถ้วนว่าที่ผ่านกินเข้าไปได้กี่ตัวกันแน่ บุญมาเล่าว่า วันหนึ่งเขาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่มาจากตลาด ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกว่ากิโลกรัม เขาดีใจมาก ตัวใหญ่ๆ ขนาดนี้ฆ่ากินทีเดียวไม่หมด จะต้องค่อยๆ กิน ที่บ้านก็ไม่มีตู้เย็นให้แช่เก็บ จึงต้องกินผ่อนทีละน้อย ตะพาบเป็นสัตว์อายุยืน อดทนมา ไม่ตายง่ายๆ ไม่ว่าจะถูกกักขังอยู่ในสภาพใดก็อดทนสามารถรักษาชีวิตอยู่ได้เป็นปี บุญมาแค่เห็นแก่กิน ไม่นึกว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมาน ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างไร ครั้งแล้ว ครั้งเล่า เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบตามส่วนต่างๆ ที่ละชิ้นๆ อย่างบรรจงมาปรุงอาหารตามความพอใจ บาดแผลรอบตัวตะพาบ เขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อที่ตัวตะพาบเน่า ตะพาบตัวนั้น ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานกว่าครึ่งเดือน จากนั้นบุญมาจึงประหารตะพาบ เอามากินเป็นมื้อสุดท้าย บุญมาพอใจกับวิธีที่ได้กินตะพาบแบบสดๆ ทุกวัน
                ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบันทึกไว้ในตอนท้าย มีอยู่ประโยคหนึ่งว่า... เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นเหมือนกรรมตามทันอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจนในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน ซึ่งอยากจะเล่าเอาไว้ตรงนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดี...
                “กรรมมีอยู่                            กมฺมํ
                  เหตุแห่งกรรมมีอยู่           กมฺมสมุทโย
                  การดับกรรมมีอยู่              กมฺมนิโรโธ

                  หนทางดับกรรมก็มีอยู่     กมฺมมคฺโค”  ...พุทธวจนะ