วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562

รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้


รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้
                  เป็นที่ยอมรับกันว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่มีการพัฒนาและเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เช่น โทรศัพท์มือถือ นอกจากจะใช้สำหรับโทรออก และรับสายเข้าแล้ว ยังมีการพัฒนาให้สามรถถ่ายรูปได้ ฯลฯ ส่งผลให้มีราคาสูงขึ้น และทำให้ผู้บริโภคต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะนอกจากจะต้องคอยซื้อบัตรเติมเงินแล้ว ยังอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการล้าง – อัดรูปด้วย เทคโนโลยีเหล่านี้หากเราไม่รู้จักระมัดระวังก็อาจตกเป็นเหยื่อหรือตกเป็นทาสได้โดยไม่รู้ตัว จนทำให้เกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ หนี้สินเพิ่มพูนโดยไม่จำเป็น
                พระท่านสอนไว้ว่า คนฉลาดต้องรู้จักระมัดระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมาร ซึ่งเป็นอำนาจฝ่ายต่ำ ที่สังคมจัดขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้เราหลงใหลอยู่ตลอดเวลา บางครั้งต้องดิ้นรนแสวงหาโดยวิธีการที่ผิด ด้วยการทุจริตคดโกง จี้ ปล้น เพื่อหาเงินมาซื้อสิ่งของเหล่านั้นไว้สนองความต้องการของตนเอง
                วิธีการที่จะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนั้น ให้ยึดหลักสามประการ คือ
                ๑.ระวังกาย (กายสุจริต) คือ รู้จักระมัดระวังการกระทำของตนเอง ไม่ก่อความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น เช่น ไม่ลักทรัพย์ของผู้อื่น
                ๒.ระวังวาจา (วจีสุจริต) คือ รู้จักพูดสิ่งที่มีสาระ ไม่พูดส่อเสียดใส่ร้ายผู้อื่น และรู้จักบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์
                ๓.ระวังใจ (มโนสุจริต) คือ รู้จักนึกคิดในทางที่สร้างสรรค์หรือก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ไม่โลภอยากได้ของของเขา ไม่อาฆาตหรือพยาบาทปองร้ายคนอื่น
                ผู้ที่รู้จักระมัดระวังกาย วาจา ใจ อยู่เสมอ จะเป็นคนสุขุมรอบคอบ ไม่มีความผิดพลาดในเรื่องที่คิด ในกิจที่ทำ และในถ้อยคำที่พูด ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และที่สำคัญไม่ตกเป็นเหยื่อของอำนาจฝ่ายต่ำ จนต้องประกอบการทุจริตดังกล่าวข้างต้น หากทำได้เช่นนี้ ก็จะได้ชื่อว่า “รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้” อย่างแท้จริง
............................................