วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

กำลังชีวิต



                 มีผู้กล่าวไว้ว่าหาก “ชีวิตคือการเดินทาง” เพื่อให้บรรลุถึงจุดหมายปลายทาง ชีวิตจำเป็นต้องมีเรี่ยวแรงเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน หรือหาก “ชีวิตคือการต่อสู้” เพื่อให้ชนะอุปสรรคต่างๆ ชีวิตก็จำเป็นต้องมีอาวุธเป็นเครื่องช่วยในการต่อสู้นักปราชญ์เรียกตัวช่วยชีวิตเหล่านี้ว่า “กำลังชีวิต”
                คติความเชื่อดังกล่าว สอดคล้องกับหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่ว่า “มนุษย์มีศักยภาพในตัวเองเพียงพอที่จะขับเคลื่อนชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกช่วยดลบันดาลให้ แต่ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน อบรมตนเองเป็นสำคัญ”  ศักยภาพที่เกิดจากการฝึกฝนอบรมนั้น มนุษย์สามารถสร้างได้ด้วยการปฏิบัติตามหลักพลธรรมหรือธรรมอันเป็นกำลังชีวิต ๔ ประการ ได้แก่
                ๑.ปัญญาพละ-กำลังปัญญา คือได้ศึกษา มีความรู้ความเข้าใจถูกต้องชัดเจนในเรื่องราวและกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง เปรียบเสมือนมีแสงสว่างส่องทางให้ชีวิต และเป็นเสมือนมีอาวุธสำหรับต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ดังคำกล่าวที่ว่า “แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี” และ “ปัญญาประดุจดังอาวุธ”
                ๒.วิริยพละ-กำลังความเพียร คือประกอบกิจทำหน้าที่ของตนเองให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความบากบั่นพยายามกล้าหาญเข้มแข็ง ไม่หวั่นกลัวต่ออุปสรรคต่างๆ โดยยึดหลักว่า บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
                ๓.อนวัชชพละ-กำลังความสุจริต หรือกำลังความบริสุทธิ์ คือมีความประพฤติและหน้าที่การงานสุจริต ไร้โทษ สะอาดบริสุทธิ์ อันจะก่อให้เกิดพลังการป้องกันภยันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ดังคำกล่าวที่ว่า “สุจริตคือเกราะบังสาตร์พ้อง”
                ๔.สังคหพละ-กำลังสงเคราะห์ คือบำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวม ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่กัน อันจะก่อให้เกิดพลังความรัก ความผูกพัน ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังคำกล่าวที่ว่า “ความพร้อมเพียงของหมู่คณะยังประโยชน์ให้สำเร็จ”
                พลธรรม หรือกำลังชีวิตทั้ง ๔ ประการ นั้น เป็นหลักประกันชีวิตที่สำคัญยิ่ง หากบุคคลฝึกฝนอบรมให้เกิดมีในตัวแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิด พลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง สามารถขับเคลื่อนชีวิตไปสู่ความสำเร็จสมความปรารถนาที่ต้องการได้อย่างสมบูรณ์
............................................