เพียงผู้โดยสาร
ผู้ที่เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง
จำต้องจองตั๋วโดยสาร
เมื่อได้รับแล้วมักเกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของที่นั่งตามหมายเลขในตั๋ว
หากมีใครมานั่งแทนที่ เราจะอ้างกรรมสิทธิ์ว่าที่นั่งตรงนั้นเป็นของเรา
ขณะที่ใช้บริการอยู่ เมื่อยังไม่ถึงที่หมาย ก็เข้าใจว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอยู่ตราบนั้น
แต่พอถึงที่หมายปลายทางก็จะลงจากพาหนะที่โดยสารนั้นไปโดยไม่มีความอาลัย
ประหนึ่งรู้ว่ากรรมสิทธิ์ของเรามีเพียงเท่านี้เอง
ปล่อยให้ที่นั่งเป็นของคนอื่นต่อไป
หากเปรียบชีวิตเป็นการเดินทาง
ทรัพย์สินเงินทอง ตลอดทั้งตำแหน่งหน้าที่ ก็เปรียบเหมือนอุปกรณ์สำหรับโดยสาร
ในฐานะที่เป็นเครื่องช่วยให้ดำเนินชีวิตไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ได้ง่ายขึ้น
แต่ข้อเท็จจริงมักเกิดปัญหาขึ้น ๒ อย่างคือ
๑.ละเลย คือ
ไม่ใช้อุปกรณ์โดยสารนั้นให้เกิดประโยชน์ เช่น
มีทรัพย์ก็ไม่ใช้ทรัพย์นั้นให้เกิดสาระแก่ชีวิต
มียศมีอำนาจก็ปล่อยให้โอกาสที่จะสร้างคุณประโยชน์หลุดลอยไป เป็นต้น
๒.ยึดติด ได้แก่
ลุ่มหลงหมกมุ่นจนเกินพอดี เมื่อจะได้ บางครั้งก็ไม่คำนึงถึงถูกผิดและความเหมาะสม
เมื่อจะเสียก็กลัดกลุ้มฟูมฟายจนมีแต่ทุกข์
เต็มไปด้วยความหวงแหนยึดมั่นประการหนึ่งว่าแม้ตายก็จะเอาติดตัวไปด้วยได้
เมื่อจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม
รถยนต์ที่โดยสารไป เป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยในการไป ไม่ใช่เป้าหมายที่จะไป
ในข้อเท็จจริง เมื่อต้องลงจากรถโดยสาร จึงไม่มีใครอาลัยอาวรณ์
หวงแหนยึดมั่นกับรถคันนั้นอีก ทรัพย์สมบัติและลาภยศก็เช่นกัน คือ เป็นเครื่องมือ
ไม่ใช่เป้าหมาย จึงต้องวางท่าทีในลักษณะที่ว่า
ใช้ให้เกิดประโยชน์เมื่อได้และไม่ทุกข์ใจเมื่อเสีย
ทำได้อย่างนี้
การเดินทางของเราจึงจะไม่เป็นทุกข์โดยที่ไม่ควรจะเป็น
และจะถึงจุดหมายปลายทางด้วยความสะดวกปลอดโปร่งใจ
............................................