วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เขมาเขมสรณทีปิกคาถา


เขมาเขมสรณทีปิกคาถา
หันทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะทีปิกะคาถาโย ภะณามะ เส
                เชิญเถิด เราทั้งหลาย มากล่าวคาถาแสดงสรณะอันเกษม และไม่เกษมเถิด
.............................................
พะหุง เว สะระณัง ยันติ   ปัพพะตานิ วะนานิ จะ  อารามะรุกขะเจตยานิ  มะนุสสา ภะยะตัชชิตา
                 มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ว ก็ถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อาราม และรุกขเจดีย์บ้าง เป็นสรณะ
เนตัง โข สะระณัง เขมั  เนตัง สะระณะมุตตะมัง  เนตัง สะระณะมาคัมมะ  สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
                 นั่น มิใช่สรณะอันเกษมเลย นั่นมิใช่สรณะอันเกษมเลย นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด  เขาอาศัยสรณะ นั่นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ  สังฆัญจะ สะระณัง คะโต  จัตตาริ อะริยะสัจจานิ  สัมมัญปัญญายะ ปัสสะติ
                 ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว เห็นอริยสัจ คือความจริงอันประเสริฐ ด้วยปัญญาอันชอบ
ทุกขัง ทุกขะสะมุมปปาทัง  ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง  อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง  ทุกขูปะสะมะคามินัง
                 คือเห็นความทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้  และหนทางมีองค์แปดอันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับทุกข์
เอตัง โข สะระณัง เขมัง  เอตัง สะระณะมุตตะมัง  เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
                 นั่นแหละ เป็นสรณะอันเกษม นั่น เป็นสรณะอันสูงสุด  เขาอาศัย สรณะ นั่นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
.............................................