วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การปล่อยสัตว์แก้เคล็ดปรับดวง



                ควรไปซื้อนก ซื้อปลาจากตลาดสด
                - เลือกปลาที่ชะตากำลังจะหมด เอาที่จะถูกคนซื้อไปฆ่าทำเป็น อาหาร แล้วควรนำไปปล่อยแม่น้ำใหญ่จะดีกว่าลำคลองเล็กๆ
                - ควรปล่อยให้ลงท้ายด้วยเลข ๙ หรือตามกำลังทรัพย์สะดวกถ้ามีเคราะห์หนักอยากปล่อยเท่าอายุ เช่น ๔๐ ก็สามารถทยอยปล่อยให้ครบจำนวน ๔๐ ใน ๑ เดือน ก็ได้
                - ไม่จำเป็นต้องไปปล่อยที่วัด แต่เป็นที่ที่เราสะดวกก็ได้
  ๑. ปล่อยปลาทั่วไป จุดประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์ปรับดวงที่หม่นมัวให้สดใสรุ่งเรือง
  ๒. ปล่อยปลาช่อน จุดประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์ปรับดวงให้หมดเคราะห์หมดภัย
  ๓. ปล่อยปลาไหล  จุดประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น ลื่นไหล พ้นจากอุปสรรค
  ๔. ปล่อยเต่า จุดประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้คนที่เจ็บป่วยหายวันหายคืน และมีอายุยืนยาวต่อไป
  ๕. ปล่อยหอยขม จุดประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้หมดทุกข์ หมดโศก ขอให้เรื่องขมขื่นชอกช้ำใจบรรเทาและลบเลือนสิ้นไปในเร็ววัน
  ๖. ปล่อยนก จุดประสงค์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้มีความสุข ความเจริญ ทำสิ่งใดให้โชคดี และพ้นจากทุกข์ภัยต่างๆ
  ๗. ปล่อยปลาสวาย จุดประสงค์เพื่อเสริมดวง เสริมบารมี ขอความสำเร็จ ขอโชค ขอลาภ
คำอธิษฐานในการปล่อยสัตว์
                “ข้าพเจ้าขอปล่อยท่านทั้งหลายเหล่านี้ให้เป็นอิสระ
ข้าพเจ้าให้ชีวิตแก่ท่านทั้งหลายเหล่านี้
ข้าพเจ้าได้ให้ความเป็นอิสระแก่ท่านเหล่านี้
ข้าพเจ้าได้ช่วยท่านทั้งหลายเหล่านี้ให้พ้นจากความทุกข์เดือดร้อน พ้นจากการถูกเขาประหาร
ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำให้แก่ท่านในครั้งนี้ จงเป็นเครื่องอโหสิแก่กัน อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองต่อไป
ขอท่านทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อข้าพเจ้าปล่อยท่านไปให้เป็นอิสระแล้ว จงไปบอกพวกของท่านที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ ถึงส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้ แล้วขออุทิศกุศลทั้งหมดที่ทำไปแล้วให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงเป็นผู้พ้นจากความทุกข์เดือดร้อนทั้งปวง และจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” 
คาถาปล่อยสัตว์
                คัจเฉวะ โข ตะวัง ตะระมะนานะรูโป มา ตัง อะมิตตา ปุนะ อัคคะ เหสุง ทุกโข หิ ลุทโทหิ ปุมา สะมาคะโม อัทสะนัง โภชะปุตตานัง คัจฉะฯ
 (เวลาซื้อสัตว์ปล่อย ไม่ต้องต่อราคา)

บุคคลที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมเวลาตายได้



                ๑. คนบำเพ็ญที่สร้างบุญกุศลเกินกว่าหนี้เวรกรรมของตนในชาติก่อน
                ๒. คนที่สร้างความดีหรือสิ่งที่เป็นบุญกุศลด้วยเหตุบังเอิญ ซึ่งมิได้จงใจมาก่อน กำหนดวันตายของคนผู้นั้นก็จะได้รับกาเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นรางวัลส่งเสริมความดีงามจากเบื้องบน
              ๓. คนที่ตลอดชีวิตประกอบแต่กรรมดี เช่น ปล่อยชีวิตสัตว์ ให้ทานช่วยเหลือคนยากคนจน พิมพ์เผยแพร่หนังสือธรรมะ ช่วยคนที่กำลังประสบเคราะห์กรรม บริจาคโลงศพ เป็นต้น เมื่อบุญกุศลบริบูรณ์ก็ต่ออายุได้
                ๔. ขณะเจ็บป่วย คนในครอบครัว หรือตนเองยอมขอขมากรรมสำนึกในความผิดที่ได้กระทำมาแล้วในชาตินี้ จวบจนชาติที่แล้ว ๆ มา อีกทั้งตั้งคำอธิษฐานโดยศรัทธาจริงใจ ส่วนมากจะได้รับความเมตตา ประทานอนุญาตจากเบื้องบนให้เปลี่ยนกำหนดวันตาย เพิ่มอายุชัย ต่อไป...
..............................

อารมณ์ก่อนตาย



                กาลเมื่อสัตว์ทั้งหลายใกล้จะถึงแก่มรณะเข้าไปสู่แดนมฤตยู  แล้วจะไปเกิดอยู่ในโลกอื่นต่อไปนั้น ในมรณาสันนวิถี คือ วิถีจิตใกล้จะตาย ย่อมมีอารมณ์ ๓ ประการ ปรากฏเป็นอารมณ์แห่งปฏิสนธิจิตก่อน ดัง
                ๑. กรรมารมณ์ ได้แก่ กรรมที่ตนเคยกระทำไว้แต่ก่อนๆ มาปรากฏให้ระลึกขึ้นได้ ในขณะที่กำลังร่อแร่จะตายไปในพริบตานี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีบาป เคยทำอกุศลกรรมไว้ในขณะนี้จะปรากฏเป็นภาพให้เห็นชัดเจนในมโนทวาร เช่น ตนเคยฆ่าคนไว้ ภาพที่ตนฆ่าคนก็มาปรากฏ คนเคยเตะ ถีบ ด่าว่า พ่อแม่เอาไว้ หรือเป็นคนติดเหล้าดื่มสุราเป็นประจำ เคยทำอทินนาทานลักขโมย เคยประพฤติกามมิจฉา นอกใจสามี/ภรรยา เอาไว้ ก็จะปรากฏเป็นภาพให้เห็นชัดเจนอย่างที่ตัวทำไว้ไม่ผิดเพี้ยน เมื่อดับจิตตายลงก็น้อมนำไปเกิดในทุคติภูมิ เช่น โลกนรก หากว่าตนเคยทำกุศลกรรมไว้ ก็จะเห็นภาพของตัวเองกำลังกระทำสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน ทำให้ใจคอชุ่มชื่นก็จะน้อมนำไปเกิดในสุคติ
                ๒. กรรมนิมิตตารมณ์ ได้แก่ อุปกรณ์ของการกระทำในอดีตมาปรากฏให้เห็น เช่น ทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ต้องมีดาบ ปืน หรือ ทำบุญทำทานก็มีอาหาร ในขณะจะดับจิตจะมองเห็นภาพนั้นๆ อย่างชัดเจน
                ๓. คตินมิตตารมณ์ ได้แก่ นิมิตต่างๆ อันบ่งบอกถึงคติของโลกที่ตนจะต้องไปเกิดในเวลาที่ดับจิตไปแล้ว ส่วนมากเป็นภาพที่ตนไม่เคยเห็น ทั้งสิ้น แบ่งเป็นประเภทได้ ดังนี้
                                ก. ถ้าจะเกิดในโลกนรก เมื่อจะขาดใจตายนั้น ย่อมเห็นเป็นเปลงไฟร้อนระอุ เห็นหม้อเหล็กแดง เห็นไม้งิ้วหนามเหล็ก เห็นฝูงผีปีศาจ บางทีเห็นเป็นแร้งกา กำลังจะมาฉีกกัดเลือดเนื้อของตัวเอง ทำให้มีความตกใจ สะดุ้งกลัว ใจสั่นระรัว ถ้าส่งเสียงได้ในขณะนี้ ก็จะร้องโวยวายให้คนช่วย นิมิตนี้ชี้ว่า เขาผู้นั้นต้องตกนรกแน่นอน
                                ข. ถ้าผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย ย่อมเห็นคตินิมิตเป็น หุบเขาหรือถ้ำอันมืดมิด รู้สึกหิวโหยอาหารและกระหายน้ำเป็นกำลัง หรือเห็นเปรต อสุรกาย มีร่างใหญ่โตน่าเกลียดน่ากลัว เนื้อตัวสกปรกรุงรัง นิมิตนี้ชี้ว่า เขาผู้นั้นจะได้ไปเป็นเปรตแน่นอน
                                ค. ถ้าผู้นั้นจะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ย่อมเห็นคตินิมิตเป็นทุ่งหญ้า ป่าไม้ เชิงเขา บางทีก็เห็นโค กระบือ หมู หมา  เป็ดไก่ นก ไส้เดือน เป็นต้น นิมิตนี้ชี้ว่า เขาผู้นั้นจะได้บังเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
                                ง. ถ้าผู้นั้นจะกลับมาเกิดมนุษย์ในโลกนี้อีก จะเห็นก้อนเนื้อเล็กๆ อยู่ในครรภ์มารดา ปรากฏเห็นภาพชัดเจนแจ่มใส
                                จ. ถ้าผู้นั้นจะได้ไปเกิดเป็นเทพบุตร เทพธิดา ในสวรรคเทวโลก เขาย่อมเห็นคตินิมิตเป็นทิพยวิมาน เห็นปราสาทราชวังอันสวยงาม เขาจะหลับตาสิ้นชีวิตอย่างสุขสงบ
..............................

ผลบุญ-กรรม ของหญิงทำแท้ง



                โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
เรื่องมีอยู่ว่า มีหญิงคนหนึ่งผิวขาว ร่างท้วม หน้าตาอิ่มเอิบ อายุ ๔๒  เธอตาย เจ้าหน้าที่พาไปที่สำนักพญายม เรื่องนี้เป็นนิมิตลอยมาให้เห็น ไม่ใช่ทิพยจักขุญาณ คือ เมื่อ เวลา ๑๘.๐๐ น. วันนี้นอนภาวนาตามปกติอารมณ์เคลิ้มเห็นภาพนี้ที่สำนักพญายม มีหญิงคนหนึ่ง เด็กเล็กคนหนึ่ง เด็กคนนี้เล็กมาก มีสภาพนอน พญายมท่านถามหญิงคนนั้นว่า “แม่หนูเธอ ทำแท้งหรือ” เธอรับว่า “ใช่เจ้าค่ะ” ท่าถามว่า “เมื่อทำแล้ว หลังจากนั้นทำบุญอะไรบ้าง”  เธอบอกว่า “ที่จำได้ดีเพราะทำเป็นประจำก็คือ บูชาพระ ว่านะโม ๓ จบ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง และสวดอิติปิโส ภะคะวา แล้วกรวดน้ำอุทิศให้ลูกที่ทำแท้ง ขออย่าจองเวรจองกรรมเลย เมื่อถึงปีก็เป็นเจ้าภาพบวชพระทุกปี อุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง” เธอพูดได้ชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนรายอื่นๆ ที่พูดไม่ค่อยเต็มเสียง และมีมารายไม่พูดเลย พญายมท่านบอกว่า บุญเธอมีมากและเด็กก็ไม่ได้จองเวรเธอ เธอไปรับผลความดีก่อน คือไปสวรรค์ เมื่อเธอปลอดโทษแล้ว ผลบุญก็ตอบสนองเธอคือ มีรูปสวยทันที เครื่องแต่งกายสวยมาก แพรวพราวเป็นระยับ ในนิมิตว่ามีโอกาสคุยกับเธอถึงความเป็นมาต่างๆ เธอเล่าให้ฟังว่า เมื่อเธออายุย่าง ๑๗ ปี พี่สาวแต่งงานได้สองปี คลอดบุตร กำลังอยู่ไฟ พี่เขยเธอเข้าห้องผิดไปเข้าห้องเธอเข้า เธอเห็นใจพี่เขย ขณะที่พี่สาวกำลังอยู่ไฟ พี่เขยคงเปลี่ยวใจ จึงอนุญาตให้เข้าห้องผิดได้เป็นประจำ เวลาผ่านไป ๖ เดือนเศษ ผลของการเปิดห้องให้พี่เขย เลยเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาได้สองเดือน เมื่อเห็นท่าเรื่องจะบานปลาย จึงร่วมมือกับพี่เขยหายาขับเลือดอย่างแรง มีความร้อนสูง กินยานั้นเข้าไปสองครั้ง เด็กเลยไหลออกมา แต่เมื่อฟังผู้ใหญ่พูดกันว่าคนทำแท้งนั้นบาปมากเพราะฆ่าเด็กในครรภ์ จึงตั้งใจบูชาพระและสวดมนต์ทุกวัน เมื่อสวดแล้วก็นั่งหลับตานึกถึงลูกที่ตาย ขอให้มารับส่วนบุญและไม่จองเวร อ้อนวอนขอให้พระพุทธเจ้าช่วย ทำอย่างนี้เป็นปกติทุกวัน เมื่อถึงฤดูกาลบวชพระก็เป็นเจ้าภาพบวชพระให้ปีละองค์ทุกปี อุทิศให้ลูก ต่อมาอายุ ๔๒ ปี ๓ เดือน เธอป่วยด้วยโรคทางเดินอาหาร เธอนึกถึงพระพุทธรูปที่เคยบูชา นึกถึงการใส่บาตร นึกถึงงานบวชพระ แล้วแต่จังหวะไหนจะนึกอะไรได้ ที่มั่นใจจริงๆ คือ พระพุทธรูปที่บูชา และภาพพระที่บวช เมื่อตอนตาย มีคน ๔ คน ไปรับ ตอนนั้นเห็นพระพุทธรูปที่เคยบูชาลอยมา องค์ใหญ่กว่าที่เคยบูชา พระพุทธรูปท่านพูดว่า พาเขาไปเถอะฉันไปด้วย แล้วท่านก็ลอยนำหน้าไป เมื่อถึงพญายมท่านก็ยังลอยอยู่ตลอดเวลาสอบสวน เมื่อพญายมสอบสวนเสร็จ ภาพพระพุทธรูปจึงหายไป เมื่อถามเธอว่าเธอจะไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน เทวดาที่เรียกว่าเทวทูตที่จะนำเธอไปส่ง ท่านตอบแทนเธอว่า ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ครับ แล้วท่านก็พาเธอไป
..............................

กะระณียะเมตตะสุตตัง



                กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะ มัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะ มะนุรักเข เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
                เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยา โน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะ เมตัง วิหารัง อิธะมาหุ ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยังปุนะเรตีติฯ
..............................
เป็นบทที่มีอานิสงค์ ในเรื่องความเมตตา บทนี้สวดแล้วจะทำให้มีแต่คนรัก แม้แต่กระทั่ง ผี และเทวดา.

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กรรมลิขิต


             กรรม แปลตามตัวอักษร การกระทำ ทำดี เรียก กุศลกรรม ทำไม่ดี หรือทำชั่ว เรียก อกุศลกรรม ทำดีย่อมให้ผล เป็นความดี ทำไม่ดีย่อมให้ผลเป็นความไม่ดี เพราะการกระทำ และผลของการกระทำ ย่อมสอดคล้องกันเสมอ เปรียบเสมือนการเพาะปลูก พืชพันธุ์ เช่น ปลูกขนุน ปลูกมะม่วง เมื่อออกดอกออกผล ก็ต้องเป็นขนุน เป็นมะม่วงอย่างแน่นอน อุปกรณ์ หรือเครื่องมือ ที่ใช้ก่อสร้างกรรมดีและกรรมไม่ดี มี ๓ อย่าง คือ ๑. กายกรรม กระทำด้วยกาย หรือการกระทำทางกาย ๒. วจีกรรม กระทำด้วยวาจา หรือการกระทำทางวาจา ๓. มโนกรรม กระทำด้วยใจ หรือการกระทำทางใจ

             รูปแบบหรือตัวอย่างของกรรมดีหรือกรรมไม่ดีจัดเป็นคู่ๆ ดังนี้ กายกรรมที่ดี คือ ไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม กายกรรมที่ไม่ดีคือ ฆ่า ขโมย ประพฤติผิดทางกาม วจีกรรมที่ดี คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ วจีกรรมที่ไม่ดีคือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มโนกรรมที่ดี คือ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น มีความเห็นถูกต้องตามครรลองคลองธรรม มโนกรรมที่ไม่ดี คือ อยากได้ของผู้อื่น คิดเบียดเบียนผู้อื่น เห็นผิดเป็นชอบ ไม่อายชั่ว กลัวบาป ขี้อิจฉาริษยา เป็นต้น

             แหล่งเกิดของกรรมดีท่านเรียกว่า กุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ คือ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง แหล่งเกิดของกรรมไม่ดี ท่านเรียกว่า อกุศลมูล คือ โลภะ โทสะ โมหะ คือ โลภ โกรธ หลง

             เมื่อทราบความหมายของกรรมดี กรรมไม่ดี อุปกรณ์หรือเครื่องมือทำกรรมและแหล่งของกรรม ครบถ้วนแล้ว ขอให้ลองพิจารณาถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวันว่าการกระทำทางกาย วาจา ใจส่วนใหญ่เป็นความดี หรือความไม่ดี ถ้าดีมากกว่าไม่ดี ก็จะมีความสุขใจ สบายใจ ไม่เดือดร้อน ในสิ่งที่ไม่น่าจะเดือดร้อนใจเรียกว่า ได้ภพภูมิที่ดี ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ดีมากกว่าดี ก็จะมีแต่ความไม่สบายใจ เดือดร้อนใจ เรียกว่า ได้ภพภูมิที่ไม่ดี ความสุขหรือความทุกข์   จึงเป็นเรื่องของกรรมลิขิต ให้เป็นไปตามที่ เจ้าของชีวิตกระทำเอง หากต้องการให้กรรมลิขิตในทางดีก็ต้องทำดี กรรมลิขิตให้ไม่ดีก็เพราะทำไม่ดี จะเลือกทางดี หรือทางไม่ดี ก็ย่อมให้กรรมลิขิตได้ตามประสงค์

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทสวดสำหรับ คนเคยทำแท้ง


ปัตติทานะคาถา
(บทสวดนี้ คนเคยทำแท้งควรสวดทุกวัน)
                (นำ) หันทะ มะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เสฯ
                (รับ) ยาเทวะตา สันติ วิหาระวาสินี ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร  ตะหิง ตะหิงตา ธัมมะทาเนนะ  ภะวันตุ ปูชิตา โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมันฑะเล เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยังฯ ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ อัตถายะ จะ หิตายะ จะ อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม สัพเพปิ ธัมมะจาริโน วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม อะริยัปปะเวทิตาฯ ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน พุทธะสาสะเน สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต กาเล เทโว ปะวัสสะตุ วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง มาตาปิตา จะ อัตระชัง นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน ปะชัง รักขันตุ สัพพะทาฯ
..............................

วิธีแก้กรรมดวงวิญญาณ



                ให้จุดธูปขอขมากรรมก่อนใส่บาตร
การทำบุญอุทิศให้วิญญาณ ควรมีของดังนี้ สังฆทาน ๑ ถัง อาหาร คาวหวาน ๑ ชุด น้ำ ผลไม้ พระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๕ นิ้ว ผ้าจีวร ๑ ชุด (พระพุทธรูปจะทำให้มีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือพรหมเขาถือความสว่างของร่างกายจะมีมากกว่าเก่า)
หลังทำบุญต้องกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณที่สิงอยู่ แล้วพูดต่อว่า
“บุญใดที่ฉันบำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นในอดีตถึงปัจจุบันชาติ ผลของบุญนี้จะมีประโยชน์ความสุขแก่ฉันเพียงใด ขอเธอจงอนุโมทนาผลบุญนั้นและรับผลบุญเช่นเดียวกับฉันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขอให้วิญญาณตัดขาดจากกันบัดนี้เป็นต้นไปเทอญ”
หมายเหตุ.-
                - การจุดธูปกลางแจ้ง เป็นการขอขมากรรมใช้กับผู้ตาย
                - ถ้ายังมีชีวิตอยู่ให้จุดธูปที่หน้าพระพุทธรูป และถวายของทั้งหมดก่อนใส่บาตร

เข้าคิว



      คำว่า "เข้าคิว" หมายถึง เข้าอยู่ในลำดับที่จัดไว้ก่อนหลัง จุดประสงค์เพื่อให้เกิดความสะดวก ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อป้องกันการใช้อภิสิทธิ์ ข้อดีของการเข้าคิวอีกอย่างหนึ่ง คือทำให้เจ้าของคิวเบาใจได้ว่ายังไม่ถึงโอกาสของตนเอง สามารถใช้เวลาระหว่างนั้นทำอะไรได้ตามใจชอบไม่ต้องคอยห่วงกังวล

       ในชีวิตของคนเรา สิ่งหนึ่งที่ดูเผิน ๆ คล้ายกับว่ามีกำหนดเวลาอยู่ข้างหน้า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลานั้นหรือพูดง่าย ๆ ว่ายังไม่ถึงคิว สิ่งนั้นก็คือความตาย ที่ว่าดูเผิน ๆ ก็เพราะที่จริงความตายนั้นไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน จัดคิวไม่ได้ กำหนดไม่ถูกว่าคนแก่จะต้องตายก่อนคนหนุ่ม คนป่วยจะต้องตายก่อนคนแข็งแรง เพราะความตายเป็นสิ่งที่รู้ไม่ได้ว่า จะตายเมื่อไหร่ ตายด้วยโรคอะไร ตายเวลาไหน ตายในที่แห่งใด ตายแล้วไปไหน ฯลฯ 

       เพราะเหตุนี้ พระท่านจึงสอนให้ระลึกถึงความตายที่เรียกว่า มรณัสสติ อยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประมาทมัวเมาดำเนินชีวิตด้วยการละเว้นความชั่วทั้งปวง เร่งทำความดีและสิ่งที่เป็นประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นรวมถึงการทำจิตใจให้สะอาด สว่าง สงบเสียแต่วันนี้ จะมามัวนิ่งนอนใจว่ายังไม่ถึงคิวหรือน่าจะยังมีชีวิตอยู่อีกเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้ แต่ควรคิดให้เห็นภาพว่า ถ้าอีกหนึ่งเดือนจะต้องตายเราจะต้องทำอะไรบ้าง ถ้าอีกหนึ่งวันจะต้องตายเราจะต้องทำอะไรบ้าง หรือถ้าอีกหนึ่งชั่วโมงจะต้องตายเราจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วรีบทำเสียโดยเร็ว เพราะในความเป็นจริงความตายอาจมาถึงเร็วกว่าหนึ่งชั่วโมงก็ได้ เนื่องจากไม่สามารถสร้างกำหนดเวลาที่มาถึงได้เหมือนกับการเข้าคิวได้
..........................

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิธีแก้กรรมด้วยการใส่บาตรให้เกิดผล


  
                ก่อนใส่บาตรต้องจุดธูปขอขมากรรมก่อน โดยปฏิบัติดังนี้
การลดกรรมด้วยวิธีการใส่บาตรให้ได้ผล รวมทั้งสร้างกุศลผลบุญครั้งใดๆ ก็ตาม มิใช่ใส่บาตรเฉยๆ แล้วจะได้ผล ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยจำนวนมาก บอกว่าได้ทำบุญใส่บาตรพระแล้ว โรคร้ายแรงต่างๆ ไม่หายไม่บรรเทา อากาป่วยจะหายได้อย่างไร เพราะทำไม่ถูกต้อง ใสบาตรพระร้อยรูปก็หาประโยชน์ในการลดกรรมเท่าใส่บาตรเพียงรูปเดียวไม่ เพราะไม่ถึงเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นเจ้าหนี้กรรมอยู่จริงๆ เหมือนกับเป็นหนี้เจ้ากรรมนายเวรชุด ก. แต่ไปใช้หนี้ ชุด ข. เจ้าหนี้ชุด ก. ก็ย่อมไม่พอใจไม่อโหสิกรรมให้แน่นอน กรรมเก่าที่ไม่ดีก็ย่อมไม่ลด
                วิธีแก้กรรม/ลดกรรมด้วยการใส่บาตรให้ถูกวิธีนั้น ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ) แนะนำว่า  ก่อนใส่บาตร..
                ให้จุดธูป ๓ ดอก กลางแจ้งขอขมากรรมโดย
“ตั้งนะโม ๓ จบ” แล้วกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ศัตรู หมู่มาร หมู่พาล ทุกภพทุกชาติ ขอให้อโหสิกรรมให้ขาดจากกัน”
                และหลังใส่บาตรเสร็จทุกครั้งให้
“ตั้งนะโม ๓ จบ”  แล้วกล่าวว่า “กุศลที่ลูกได้ทำแล้วขอถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ขอให้ทุกพระองค์นำส่งบุญให้ข้าพเจ้ามีเดช ปัญญา โภคะ ขอให้สมหวังสมปรารถนาทุกเรื่อง ขอให้มีบุญบารมีเต็มขั้น เกิดสภาวธรรมตามบุญวาสนาที่ได้ทำมาจากทุกภพทุกชาติโดยเร็วเทอญ และขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ (วิญญาณ) ศัตรูหมู่มาร หมู่พาล (เช่น มนุษย์  หุ้นส่วน เพื่อน ในครอบครัว) ทุกภพทุกชาติ (เอ่ยชื่อได้ยิ่งดี) ขอให้อโหสิกรรม ขอให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้อุปถัมภ์ค้ำจุนข้าพเจ้า”
ถ้าทำบุญด้วยข้าวสารเป็นกระสอบ หรือถมทราย ดิน ก็ตั้งจิต อธิษฐานว่า “ผลบุญนี้ขอให้ข้าพเจ้าร่ำรวยเหมือนเมล็ดข้าวสาร เม็ดทราย ดิน เจ้ากรรมนายเวรตามเมล็ดข้าวสาร ตามเม็ดทรายดิน ขอให้ได้รับและขอให้อโหสิกรรมหลุดขาดจากกัน ณ บัดนี้เดี๋ยวนี้เทอญขอให้ข้าพเจ้ามีแต่ความเจริญรุ่งเรืองพบแต่ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู”
กรณีที่ดวงตกมาก ขอให้แผ่บุญให้ตนเองให้มากๆ บางท่านก็แผ่ให้ผู้อื่นจนลืมให้ตัวเอง ตัวเราเองต้องมีบุญบารมีแก่กล้าจริงๆ จึงจะช่วยและให้ผู้อื่นได้ ควรสวด อิติปิโส ฯ เลยอายุ ๑ จบ มีเวลาขอให้ไปปฏิบัติธรรม/ ฝึกวิปัสสนาด้วย จะเกิดผลเร็ว โทสะจะน้อยลง ควรแผ่เมตตาให้มากๆ วันละ ๑๐-๓๐ ครั้ง การแผ่เมตตาที่ได้ผลนั้น ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์ แนะนำว่า  ถ้าจะกรวดน้ำต้องกรวดน้ำลงดินทุกครั้ง วันละ ๑๐๐ ครั้ง เจ้ากรรมนายเวรจะหาย ๑๐๐ เท่า ๑๐๐ วิญญาณ หรือใช้สมาธิกำหนด อธิษฐานจิตด้วยความตั้งใจ ประกอบด้วยความมีสติและสัมปชัญญะ แผ่เมตตาออกจากลิ้นปี่ แล้อุทิศส่วนกุศลจากจักระ ๖ หรือบริเวณตาที่สาม ที่กลางหน้าผากต่ำลงเล็กน้อยจะได้ผลมากขึ้น
(คำว่า อุทิศบุญใช้กับผู้ตาย    นำส่งบุญใช้กับผู้ยังมีชีวิตอยู่    ถวายบุญกุศลใช้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
........................................

วิธีแก้กรรมให้ตนเอง (ได้ผลดีเร็วขึ้น)



                วิบากกรรมของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป บางคนป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนตกงานบ่อย บางคนลำบากมาก หากินไม่คล่อง บางคนลูกเกเร วิบากกรรมนี้ตามมาหลายภพหลายชาติ ซึ่งมี่ส่วนทำให้เราเกิดมาแตกต่างกัน แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง หนทางในการบรรเทาวิบากกรรมนั้นมี ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี
                เวลาที่เราทำบุญหรือทำความดีทุกครั้ง นอกจากบุญที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น การใส่บาตร การถือศีล ฯลฯ แล้ว การพูดคุยที่ช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ การสนทนาธรรม การให้ธรรมทาน การร่วมบริจาคหนังสือธรรมะชี้แนะแนวทางแก้ปัญหาชีวิตให้กับผู้สิ้นหวัง การทำความสะอาดท้องพระการถวายน้ำเปล่าเพียง ๑ แก้ว ให้กับหิ้งพระพุทธฯ การร่วมอนุโมทนา การทำความดีของผู้อื่นโดยการใช้จิตน้อมไปทางบุญกุศล การกวาดใบไม้ทำสวน ทำความสะอาดห้องน้ำ หรือของส่วนรวม การดูแลคนแก่ เด็ก การที่เรามีจิตใจดีหรือตั้งใจดี ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นกุศลและเป็นบุญทั้งสิ้น ให้
“ตั้งนะโม ๓ จบ”
                “ข้าพเจ้า... นามสกุล... เกิดวันที่... วันนี้ข้าพเจ้าขอตั้งจิตถึงบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก รวมถึงองค์เทพ องค์พรหมที่ปกปักรักษากายสังขารวิญญาณลูกอยู่ วันนี้ลูกตั้งจิตถวาย... (บุญที่ทำ เช่น ใส่บาตร  ถือศิล สวดมนต์ ให้ทาน ฯลฯ) ลูกขอถวายบุญกุศลนี้แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ รวมถึงองค์เทพ องค์พรหมทั้งหลาย ให้มีพระบารมีมากขึ้นขอให้ทุกๆ พระองค์นำส่งบุญให้ลูกเจริญขึ้น ทั้งการงาน การเงิน และความรัก ให้ลูกมีเดช ปัญญา โภคะ (ความสมบูรณ์) ทุกภพทุกชาติ และขออุทิศบุญกุศลนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ รวมถึงวิญญาณที่ตามมาทุกผู้ทุกคน ศัตรู หมู่มาร หรือหมู่พาล คือ มนุษย์ เช่น บริวาร ญาติมิตร คนรับใช้ สามี ภรรยา บุตร ธิดา ทุกภพทุกชาติ ขอให้ได้รับมหากุศลนี้ รับแล้วขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้ บัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีบุญบารมีสูงขึ้นๆ เต็มขึ้น เพื่อช่วยสังคมให้สูงขึ้น และสร้างคนให้เป็นพระ ให้เกิดปัญญาทางธรรมต่อไป และให้สมบูรณ์พูนผลทุกอย่างด้วยบุญที่ทำนี้เทอญ   สาธุ..”

หมายเหตุ.-
                - การตั้งนะโม ๓ จบ เพื่อขอให้พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระประธาน เพราะพระบารมีของพระพุทธองค์สามารถเปิด ๓ ภพ (สวรรค์ มนุษย์ และนรก) ไม่ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะอยู่ภพภูมิใด แม้แต่นรกขุมสุดท้าย ก็สามารถเปิดทางไปถึงได้ เจ้ากรรมนายเวรจะได้รับอย่างรวดเร็วและอโหสิกรรมให้เราหมด และควรกรวดน้ำลงดินด้วยทุกครั้ง แม่พระธรณี แม่พระคงคา จะได้เป็นทิพย์พยาน เพราะท่านได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว
                - ปัญญาทางโลกทุกคนมีอยู่แล้ว ได้จากพันธุกรรมพ่อแม่ แต่อย่าให้ขาดปัญญาทางธรรม ซึ่งก็คือจิตสัมผัสรู้ดี รู้ชั่ว และการหยั่งู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ถ้าได้ปัญญาทางธรรม จะประสบแต่ความสำเร็จ ความสมบูรณ์พูนสุขทุกอย่าง เพราะบุญคือขุมทรัพย์ ลาภยศจะมาเอง และยังช่วยครอบครัวและผู้อื่นได้อีกด้วย
                - กรรมเวร แก้ไขได้โดยการขอขมากรรม และส่งวิญญาณด้วยพระสะดุ้งมารขนาด ๓ นิ้ว ๕ นิ้ว เป็นการต่อชะตาชีวิต ถ้ากรรมใดได้รับอโหสิกรรม กรรมนั้นจะเบาบางและชีวิตจะดีขึ้น โดยสังเกตจากตัวเราว่ามีสิ่งที่ดีขึ้นหรือไม่ ที่ป่วยก็จะหาย ที่จนก็จะเริ่มมี แสดงว่าเราเริ่มจะมีบุญมาช่วยแล้ว หากการยังมากก็จะยังลำบากอยู่
.....................................

กรรมฐาน วิธีแก้กรรม-ลดกรรมให้ตนเอง



                หากเราทำกรรมไม่ดีไว้ควรทำอย่างไร พอสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
๑. ตัดกังวล เลิกคิด เลิกเศร้าเสียใจ เลิกจิตตก ไม่มีใครไม่เคยทำผิด แต่ทำผิดแล้วสำนึกได้และไม่ทำอีก สำคัญกว่า
๒. ปฏิบัติตามแนว ทาน ศีล ภาวนา (ทานทำให้รวย ศีลทำให้สวย ภาวนาทำให้มีปัญญาดี)
         - ทาน ให้เพื่อลดกิเลสในตัว ทั้งความโลภและความโกรธ จะมีพรหมวิหาร ๔  มากขึ้น
                (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
         - ถือศีล ๕ เพื่อรักษากาย วาจา ให้ปกติ ไม่ให้พลาดไปทำผิด เพราะธรรมชาติของใจคนจะไหลลงที่ต่ำได้ง่ายกว่าขึ้นที่สูง ศีลเป็นทางนำให้เกิดสมาธิ นำไปสู่การเกิดปัญญา
         - เจริญภาวนา เพื่อให้ได้ปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงของรูปนาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (ไตรลักษณ์) และ อสุภะ (สิ่งที่ไม่สวย ไม่งาม เช่น ซากศพ) ทั้งสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน
กรรมฐาน ทำได้โดยตั้งใจมั่น ไม่เสียสตางค์ แก้กรรมได้โดยตรง มีผลมากที่สุด เป็นบุญใหญ่ที่สุด บุญที่ได้จากกรรมฐาน ได้ทั้งตัวเอง และสามารถอุทิศแผ่เมตตาให้บุคคลอื่นๆ ได้ ทำให้ทุกชีวิตดีขึ้น
..................................................