วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

นิทานเตือนสติ

หญิงอายุ 40 กว่าๆคนหนึ่งพาลูกชายของเธอเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของ บริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง และนั่งลงบนม้านั่งยาวตัวหนึ่งเพื่อกินอาหาร  ผ่านไปครู่หนึ่งผู้หญิงคนนั้นก็โยนทิ้งเศษกระดาษลงบนพื้น ในที่ไม่ไกลนักมีชายชราคนหนึ่งกำลังตัดแต่งดอกไม้ เขาไม่พูดอะไรสักคำ เดินเข้ามาหยิบเศษกระดาษแล้วทิ้งเข้าไปในถังขยะที่อยู่ข้างๆ  ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หญิงคนนั้นก็โยนเศษกระดาษลงบนพื้นอีก ชายชราก็เดินเข้ามาหยิบเศษกระดาษทิ้งเข้าไปในถังขยะอีก  .และก็เป็นเช่นนี้ อีก ชายชราต้องเก็บเศษกระดาษถึง 3 ครั้ง
หญิงคนนั้นชี้ไปที่ชายชราแล้วพูดกับลูกชายว่า : เห็นไหม ถ้าเธอตอนนี้ไม่เรียนหนังสือให้ดีๆ ในภายหน้าเธอก็จะเป็นเหมือนเขาไม่มีอนาคต ทำได้แต่เพียงงานที่ต่ำต้อยเช่นนี้
ชายชราได้ยินเช่นนั้น ก็วางกรรไกรแล้วเดินเข้ามาพูดว่า : สวัสดี ที่นี่เป็นสวนส่วนบุคคลของเครือบริษัทนี้ เธอเข้ามาได้อย่างไร?
หญิงวัยกลางคนนั้นพูดอย่างหยิ่งๆว่า : ฉันคือผู้จัดการฝ่ายที่บริษัทเพิ่งรับเข้ามา
ตอนนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ และมายืนอยู่ตรงหน้าชายชราอย่างเคารพนอบน้อม แล้วพูดว่า : ท่านประธาน การประชุมกำลังจะเริ่มแล้วครับ
ชายชราจึงพูดว่า : ตอนนี้ฉันขอเสนอว่าให้เลิกจ้างผู้หญิงท่านนี้
ครับ ผมจะรีบไปดำเนินการตามคำสั่งของท่านครับ ชายคนนั้นรีบขานรับ
ชายชราสั่งเสร็จก็เดินมาที่เด็กชาย เขาเอามือลูบที่ศีรษะของเด็กชายหนึ่งครั้ง แล้วพูดว่า : ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจนะ  “ในโลกนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเรียนรู้ที่จะให้เกียรติคนทุกคนและผลงาน จากการลงแรงของคนทุกคน”
หญิงวัยกลางคนนั้นถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ตกตะลึง หล่อนอ่อนระทวยอยู่บนม้านั่งยาวนั้น ถ้าหล่อนรู้ว่าชายชรานั้นเป็นประธานบริษัท ก็ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นแน่นอน แต่ว่าหล่อนทำไปแล้ว แต่ที่ทำก็เฉพาะต่อหน้าประธานบริษัทที่ดูคล้ายฐานะคนดูแลสวน เพราะอะไรล่ะ ???
นี่เพราะฐานะตัวตนที่สูงต่ำใช่ไหม ? การให้เกียรติคน อย่าได้แยกแยะจากฐานะตัวตน นี่คือลักษณะในตัวที่สง่างาม ลักษณะในตัวที่สง่างามแสร้งทำออกมาไม่ได้ ในที่สุดก็จะเผยธาตุแท้ออกมา

ทรัพย์สินความร่ำรวยไม่ใช่เป็นเพื่อนชั่วชีวิต การเรียนรู้ที่จะให้เกียรติผู้อื่นจึงจะเป็นทรัพย์สินความร่ำรวยชั่วชีวิต มีเพียงสิ่งนี้จึงจะเป็นสภาพเขตแดนที่สูงที่สุดของชีวิตคนเรา

ที่มา: ไม่ทราบ
 ต้องขออภัยเจ้าของบทความ ที่นำมาเผยแพร่โดยไม่แจ้ง

การแก้ปัญหา

การแก้ปัญหา
                ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ใกล้หมู่บ้านชื่อขานุมตะ ในแคว้นมคธ มีพราหมณ์ชื่อ กูฏทันตะ ผู้ปกครองหมู่บ้าน เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาบ้านเมือง พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า “มีพระเจ้าแผ่นดินในอดีต พระองค์หนึ่งพระนามว่า พระเจ้ามหาวิชิตราช เป็นกษัตริย์ผู้มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มากมาย พระองค์ทรงดำริถึงความสมบูรณ์และความมั่งคั่งในแผ่นดินของพระองค์ วันหนึ่งได้ตรัสเรียกพราหมณ์ที่ปรึกษาการแผ่นดินเข้ามาเฝ้าและถามถึงความเป็นอยู่ของประชาชนในปกครอง ได้ทรงทราบถึงความไม่สงบสุขในชนบทและตามหัวเมืองต่างๆ ว่ายังมีโจรผู้ร้ายชุกชุม มีการปล้นฆ่าเบียดเบียนทำร้ายร่างกายกันปรากฏอยู่ทั่วไป ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตามที่พราหมณ์กราบทูล จึงดำริว่า การที่จะรื้อฟื้นประกอบพิธีกรรมบูชายัญและการจะปราบปรามโจรผู้ร้าย เช่น ประหารชีวิต จองจำคุมขังอย่างเดียวคงจะไม่ได้ผลเด็ดขาด และไม่มีที่สิ้นสุด เห็นควรใช้วิธีอื่นที่ดีกว่าคือ การสงเคราะห์ กล่าวคือสนับสนุนอาชีพของประชน โดยส่งเสริมกสิกรรม พาณิชยกรรม ตลอดจนการรับราชการ เช่น ให้พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์แก่เกษตรกร ให้ทุนแก่ผู้ประกอบการค้าขาย ให้เพิ่มเงินเดือนและรางวัลตอบแทนตลอดจนบำเหน็จบำนาญแก่ข้าราชการ เป็นต้น จึงมีรับสั่งให้ดำเนินการตามนั้น ผลปรากฏว่าประชาชนมีความสงบสุขอยู่ดีกินดี บ้านเมืองปราศจากโจรผู้ร้าย ไม่มีการเบียดเบียนกัน บ้านเมืองก็ปลอดภัยถึงขนาดไม่ต้องลงกลอนประตูหน้าต่างอีกต่อไป”
                จากเรื่องดังกล่าวทำให้มองเห็นปัญหา สาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน ปัญหาต่างๆ มีสาเหตุกดดันมาจากปัญหาปากท้องเป็นส่วนสำคัญ วิธีการแก้ปัญหาเหล่านั้นมิใช่จะแก้ได้ด้วยการปราบปรามอย่างเดียว หากแต่ควรแก้ไขที่สาเหตุอันจะทำให้เกิดผลและเป็นผลที่ยั่งยืนอย่างจริงจัง จึงจำต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีสงเคราะห์ประชาชนในด้านความเป็นอยู่ควบคู่ไปด้วย

............................................

รอยร้าวของชีวิต


                ตึกที่ก่อสร้างไม่ดี มักจะปรากฏรอยร้าวตามจุดต่างๆ ให้เห็น รอยร้าวนั้นแม้เป็นเพียงรอยเล็กๆ ก็ทำให้ตึกนั้นขาดความคงทนถาวร และเป็นที่หวาดระแวงสำหรับคนอยู่อาศัยได้ ชีวิตของบางคนนั้น ถ้าไม่บริหารให้ดีก็อาจเกิดรอยร้าวในชีวิตขึ้นได้เช่นกัน รอยร้าวที่ว่านี้มี ๕ ประการ คือ
                ๑.โหดร้าย ความโหดร้ายส่วนใหญ่เกิดจากความโกรธ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ทำใจให้เดือดพล่าน เร่าร้อน กระวนกระวาย สามารถสังเกตอาการนี้ได้ทางใบหน้า น้ำเสียง และการกระทำ ที่ออกมาในลักษณะทำลายล้างบุคคลอื่น
                ๒.มือไว อาการมือไวส่วนใหญ่เกิดจากความโลภอยากได้ในทางทุจริต เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้ใจหิวกระหายคิดกอบโกยโดยทางที่ผิด เช่น ค้าของผิดกฎหมาย ทุจริต คอรัปชั่น เป็นต้น
                ๓.ใจเร็ว การใจเร็วเป็นอาการของคนที่หวั่นไหวต่อเพศตรงข้ามได้ง่าย คนประเภทนี้แม้จะมีครอบครัวเป็นตัวตนแล้ว จิตใจก็ยังไม่นิ่งพอ ถ้าไม่สำรวมตนให้ดีก็อาจเกิดปัญหาครอบครัวจนบ้านแตกสาแหรกขาดได้
                ๔.พูดปด คือพูดให้คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงด้วยเจตนาเป็นอกุศล เพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด ประสบกับความเดือดร้อน เสียทรัพย์ หรือเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
                ๕.หมดสติ การหมดสติเป็นอาการของคนที่ขาดความยั้งคิด ครองตนไม่ได้เพราะเสพของมึนเมาจนติดรอยร้าวที่เกิดจากการเสพของมึนเมาจนติดนี้ นับว่าเป็นอันตรายมากที่สุดเพราะเมื่อหมดสติแล้ว ก็อาจทำให้รอยร้าวข้ออื่นๆ ที่มีอยู่บ้างแล้วแตกร้าวหนักขึ้นไปอีกได้
                ชีวิตเป็นของมีค่ายิ่งนัก อย่าปล่อยให้รอยร้าวเกิดขึ้นในชีวิตของเราเลย

............................................