ลองสังเกตดูว่าหลักปฏิบัติ กฎระเบียบ
และข้อห้ามในทางโลกตามหน่วยงานทั้งทางราชการและเอกชน
จะมีหลายข้อที่ตรงกันกับหลักปฏิบัติในทางธรรม
โดยเฉพาะข้อที่เกี่ยวกับการดื่มของมึนเมา ซึ่งโทษจากการดื่มน้ำเมา จะทำให้เกิดความประมาทขาดสติและโทษอื่นๆ
อีกหลายประการ เช่น ทำให้เสียทรัพย์ ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท ทำให้เกิดโรค
ทำให้ถูกตำหนินินทา ทำให้กล้าทำในสิ่งน่าละอาย ทำลายสติปัญญา รวมทั้งทำให้เสียงาน
ฯลฯ
ในทางธรรมะ
ได้แบ่งผู้ที่ดื่มน้ำเมาเป็น ๒ ลักษณะ คือ
๑.
ดื่มน้ำเมาแล้ว เกิดความมึนเมาจนขาดสติสัมปชัญญะ เสียความระลึกรู้สึกผิดชอบชั่วดี
ทำงานบกพร่อง พูดจาผิดพลาด ความคิดเลอะเลือนเหลวไหล กิริยาอาการผิดปกติ
ดื่มลักษณะอย่างนี้ได้ชื่อว่า เสียศีลเสียธรรม
๒.
ดื่มน้ำเมาแล้วยังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ ไม่เสียความระลึกรู้สึกผิดชอบชั่วดี
ทำงานได้ ไม่บกพร่องพูดจาไม่ผิดพลาด คิดอ่านได้รอบคอบ ไม่เลอะเลือนเหลวไหล
ควบคุมกิริยาอาการได้เป็นปกติ ดื่มลักษณะอย่างนี้ชื่อว่า เสียศีลแต่ไม่เสียธรรม
เมื่อมีเจตนาดื่มน้ำเมาจนล่วงลำคอลงไป
จะดื่มมากหรือน้อยก็ตาม ถือว่าเสียศีลแล้ว หากมึนเมาจนขาดสติสัมปชัญญะ
ก็ถือว่าเสียธรรมเข้าไปอีก เป็นการเสียทั้งศีลเสียทั้งธรรม ดังนั้น
หากจะดื่มน้ำเมาต้องประคองรักษาสติสัมปชัญญะไว้ให้ได้
แม้จะเสียศีลแต่ก็ยังไม่เสียธรรม
ข้อสำคัญที่สุดหากงดเว้นการดื่มน้ำเมาได้โดยเด็ดขาด ชื่อว่า เป็นคนมีทั้งศีล
มีทั้งธรรม ย่อมได้รับการยกย่องว่าเป็นคนประเสริฐโดยแท้
.............................................