วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มนุษย์-ภูเขาไฟ


                ภูเขาไฟ เมื่อสังเกตจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากภูเขาธรรมดาทั่วไป แต่ในความเป็นจริง ภูเขาไฟต่างจากภูเขาประเภทอื่นเป็นอย่างยิ่งตรงที่มีไฟ หรือลาวา ที่ร้อนแรงอยู่ภายใน ขณะที่ภูเขาอื่นไม่มี เมื่อใดที่ภูเขาไฟยังไม่ระเบิด หรือไม่มีอาการส่อว่าจะระเบิด ก็มองไม่ออก มีต้นไม้ นานาพันธุ์ขึ้นอยู่เขียวขจีหรือไม่ก็มีหิมะปกคลุมในหน้าหนาวขาวโพลนไปทั่ว แต่เมื่อใดเกิดการระเบิด เมื่อนั้นจึงจะรู้ได้โดยประจักษ์ชัดว่าเป็นภูเขาไฟ ความร้อนและลาวาที่ถูกพ่นออกมา นอกจากจะทำให้ภูเขาต้องระเบิดทำลายตัวเองแล้ว ยังเผาไหม้หลอมละลายสร้างความเสียหายให้แก่ต้นไม้ สัตว์ป่า สิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ก็ประสบภัย ทำให้เดือดร้อนไปตามๆ กันอีกด้วย
                ผู้คนที่เราพบเห็นอยู่ในสังคมก็เช่นกัน ดูจากภายนอกหรือสัมผัสเพียงผิวเผินก็เห็นเป็นบุคคลปกติธรรมดาไม่ต่างจากใครอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภายในร่างกายของคนที่มีความละม้ายคล้ายกันในทางรูปธรรมนั้น ย่อมมีสิ่งหนึ่งที่ต่างกันมาก และไม่สามารถสังเกตจากรูปร่างภายนอกได้ สิ่งนั้นคือจิตใจ คนบางคนมีรูปร่างหน้าตาบุคลิกดีมีฐานะดี แต่งตัวดี ตำแหน่งหน้าที่การงานดี มียศมีศักดิ์ในสังคม ดูแล้วชีวิตน่าจะสมบูรณ์พูนสุข แต่ในความเป็นจริงยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ดูปกติดีแต่ภายนอก ส่วนภายในจิตใจเร่าร้อนระอุคุกรุ่น ไม่ต่างจากภูเขาไฟพร้อมที่จะระเบิดอยู่ตลอดเวลา อันเนื่องมาจากไฟคือกิเลส ได้แก่ความละโลภมาก ความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท และความลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งที่ผิด ตลอดจนการปล่อยตัวปล่อยใจให้จมอยู่กับสิ่งที่พระท่านเรียกว่า อนิฏฐารมณ์ กล่าวคือเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา และความทุกข์ร้อนต่างๆ สภาพเหล่านี้เป็นเสมือนไฟสุมอก เร่าร้อนรุนแรงกว่าความร้อนของภูเขาไฟหลายเท่านัก
                ใครที่ตกอยู่ในลักษณะเย็นนอกร้อนในเช่นนี้ พึงทราบว่า ท่านกำลังมีสภาพไม่ผิดอะไรกับภูเขาไฟ ลูกหนึ่งถ้าควบคุมไม่ได้ ก็อาจจะระเบิดออกมาได้ทุกขณะ จึงควรรีบแก้ไขดับร้อนนั้นเสียโดยเร็ว คือให้ดับไฟโลภด้วยการให้ ดับไฟโกรธด้วยการแผ่เมตตา ดับไฟหลงด้วยปัญญา และดับความหมองไหม้กระวนกระวายด้วยสมาธิโดยสรุปก็คือ ใช้เย็นดับร้อน ใช้ธรรมดับทุกข์ เหมือนใช้น้ำดับไฟ ก่อนที่จะระเบิดพินาศย่อยยับ เหมือนการระเบิดของภูเขาไฟฉันนั้น

..................................

บารมีสิบ


                ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ในกระแสแห่งความนึกคิดของคนเราโดยทั่วไปจะมีการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความไม่ดี หรือระหว่างธรรมกับอธรรม บางครั้งฝ่ายธรรมชนะ บางครั้งฝ่ายอธรรมก็ชนะ สลับกัน แต่สำหรับปุถุชนแล้วส่วนมากอธรรมมักเป็นฝ่ายชนะ เพื่อจะให้ฝ่ายธรรมได้ชนะมากขึ้นหรือชนะมากกว่าแพ้ ทางพระพุทธศาสนามีหลักธรรมหมวดหนึ่งเรียกว่า บารมีหรือบารมีธรรม คือคุณความดีที่ควรบำเพ็ญเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ดีงาม บารมีนี้เป็นคู่ปรับอธรรม ท่านจัดเป็นคู่ๆ ไว้ ๑๐ คู่ คือ
                ๑.ทานบารมี การเสียสละ การบริจาค คู่ปรับของความตระหนี่
                ๒.ศีลบารมี การมีศีล คู่ปรับของการไม่มีศีล
                ๓.เนกขัมมบารมี ความสงบระงับจากการถูกกามารมณ์เบียดเบียนแม้ชั่วขณะจิต คู่ปรับของความฟุ้งซ่านตามกระแสของกามารมณ์
                ๔.ปัญญาบารมี การรู้เห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ คู่ปรับของอวิชชาคือความรู้เห็นที่ผิดพลาดจากความเป็นจริง
                ๕.วิริยบารมี ความพากเพียรพยายามในทางที่ถูกต้อง คู่ปรับของความเกียจคร้านในการงานที่ถูกต้อง
                ๖.ขันติบารมี ความอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งที่ไม่พอใจ คู่ปรับของความโกรธ
                ๗.สัจจบารมี รักษาความจริง ความถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม คู่ปรับของคำพูดจามดเท็จ
                ๘.อธิษฐานบารมี การตั้งใจแน่วแน่ในหน้าที่การงานที่กระทำ คู่ปรับของความโลเล ความไม่ตั้งใจจริงในหน้าที่การงานที่กระทำ
                ๙.เมตตาบารมี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอื้ออาทรต่อผู้อื่น คู่ปรับของความอาฆาตมาดร้ายต่อผู้อื่น
                ๑๐.อุเบกขาบารมี ความวางใจเป็นกลาง ไม่โอนเอียงไปเข้าข้างใดข้างหนึ่ง คู่ปรับของอคติ ความลำเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
                คราวใดอธรรมเกิดขึ้นในใจ ต้องพยายามใช้บารมีข้อใดข้อหนึ่งเป็นคู่ปรับกันให้ทันกาลเวลา ถ้าปฏิบัติได้แล้ว จะมีชัยชนะทุกคราวที่บารมีเกิดขึ้น เมื่อฝึกบ่อยๆ ก็จะสามารถชนะอธรรมได้มากขึ้น ซึ่งก็คือประสบความสำเร็จได้มากขึ้นนั่นเอง

...................................

มหันตภัยยาเสพติด


                มหันตภัยที่คุกคามเยาชนและประชาชนชาวไทยอยู่ในขณะนี้ ไม่มีอะไรเกินยาเสพติดให้โทษ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในทุกๆ วงสังคม ยาเสพติดให้โทษมีหลายประเภท เช่น เฮโรอีน ฝิ่น กัญชา ยาอี ฯลฯ แต่ที่ระบาดอย่างหนักในสังคมไทยคือ ยาบ้า ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลกำลังพยายามหาวิธี แก้ไขให้ได้ผลโดยเร็วที่สุด ผู้ที่เสพยาบ้าจนติดจะเกิดอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทางกาย ผู้ที่เสพยาบ้า ๒๐-๓๐ กรัมต่อวัน จะเบื่ออาหาร มือสั่น ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วและแรง ไม่รู้สึกง่วง กลิ่นตัวแรง สูบบุหรี่จัด ฯลฯ ส่วนทางจิต จะมีอาการหวาดระแวง วิตกกังวล ประสาทหลอน มักเห็นภาพหลอนต่างๆ ขณะเกิดอาการอาจจะทำร้ายตัวเองและผู้อยู่ใกล้เคียง พิษภัยอันเกิดจากการใช้ ยาเสพติดนอกจากจะมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้เสพโดยตรงแล้ว ยังมีผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติ
                ผลกระทบต่อผู้เสพเอง ฤทธิ์ของยาเสพติดจะมีผลกระทบต่อระบบประสาทและระบบอวัยวะต่างๆ เช่น ผอม ซูบซีด ผิวคล้ำ ไม่มีแรง จิตไม่ปกติ สุขภาพจิตเสื่อม อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า วิตกกังวล ฯลฯ
                ต่อครอบครัว ผู้ติดยาเสพติดจะไม่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ไม่ห่วงใย ดูแลครอบครัวอย่างที่เคยปฏิบัติ ทำให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น นำไปสู่การทะเลาะวิวาท และครอบครัวแตกแยก
                ต่อสังคมเศรษฐกิจ ผู้เสพยาเสพติดและตกเป็นทาส ถือว่าเป็นผู้ที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจและความสงบสุขของประเทศชาติ เพราะทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียทั้งกำลังคนและงบประมาณของ แผ่นดินจำนวนมหาศาลเพื่อปราบปรามและป้องกัน ตลอดจนบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด
                การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุกๆ คน และทุกๆ หน่วยงานที่จะต้อง แก้ไขโดยเริ่มจากเด็กและเยาวชนให้รู้จักการป้องกันตนเองจากยาเสพติด เพราะเด็กและเยาวชนนับว่าเป็นทรัพยากรอันมีค่าที่จะเป็นพลังสำคัญต่อสังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคต

...................................

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ค่านิยมแห่งชีวิต

ผู้อัจฉริยะ คือผู้สามารถที่วางตัวเองถูกที่

ส่วนผู้โง่เง่าในสายตาเรา
อาจจะเป็นผู้มีความสามารถที่ บังเอิญวางตัวเองผิดที่นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น
คุณกับคนป่าผู้หนึ่ง ขณะหลงทางในป่าอัฟริกา ขาดแคลนทั้งน้ำและอาหาร

ในภาวะเช่นนั้น คุณต้องถือว่าคนป่าผู้นี้เป็นอัจฉริยะ เพราะเขารู้วิธีเอาตัวรอดในป่า

ในทางกลับกัน หากคุณพาคนป่าเข้าเมือง สั่งให้เขาใช้คอมพิวเตอร์
สถานการณ์จะกลับหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเขากลายเป็น idiot ไปแล้ว

คนเราเกิดมาย่อมใช้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

นักวิทยาศาสตร์บางคน แยกบันไดเสียงไม่ออก จิตรกรบางคนเขียนจดหมายไม่เป็น
แต่คนเหล่านี้วางตัวเองถูกที่ จึงประสบความสำเร็จใหญ่หลวง

Picasso เดิมทีอยากจะเป็นกวี แต่บทกวีของเขาถูก
Gertrude Stein กวีหญิงวิจารณ์จนไม่มีชิ้นดี
แต่เพราะมีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาสะกิดเตือน เขาจึงวางตัวเองในจุดใหม่
จนกลายเป็นจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่

อันที่จริง  ผู้คนและเรื่องราวต่างๆ ล้วนน่าชื่นชมทั้งนั้น ถ้าอยู่ในกาลเทศะที่เหมาะสม

เช่น ซุปรสเด็ดเมื่อหยดลงบนเสื้อเชิ้ต กลับกลายเป็นจุดด่างพร้อย

คำหวานลับเฉพาะบนเตียง เมื่อเล็ดลอดไปสู่สาธารณชน กลับกลายเป็นคำหยาบโลน
แปลกดีไหม

อาหารที่อมอยู่ในปาก ถ้าบ้วนออกมาดูน่าขยะแขยง
ถ้ากลืนเข้าไป กลับมีคุณค่าทางโภชนาการ

ต่อให้เป็นขยะสกปรกสิ้นดี
ถ้าวางถูกที่ เช่นฝังกลบดิน
ก็จะกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงดอกไม้งาม
และผลิตอาหารสุขภาพให้เรา

อาจกล่าวได้ว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใด คนใด ต่ำต้อยหรือไร้ประโยชน์
ทุกคน ทุกสิ่ง ถ้าวางอยู่ในที่ถูก ย่อมอำนวยประโยชน์ได้ทั้งนั้น

จุดหมายสูงสุดของชีวิต
คือ สรรหาเวทีที่เหมาะสม
บุกเบิกเส้นทางของตน แล้วแสดงความสามารถเฉพาะตัว ให้สุดเหวี่ยง

ขอขอบคุณ ผู้เขียน (ไม่ทราบว่าเป็นใคร)

มีไว้ใช้ กับมีไว้รัก

Used vs. Loved
ถูกใช้(ใช้งาน) / เป็นที่รัก(ถูกรัก)
~~~~

While a man was polishing his new car,
ขณะที่... ชายคนหนึ่ง กำลังขัดรถใหม่-ของเขา

his 6 yr old son picked up a stone and
scratched lines on the side of the car.
ลูกชายวัย 6 ขวบ ได้เอาก้อนหินมาขีดเส้น
ข้างรถของเขา ...

In anger, the man took the child's hand
and hit it many times;
ด้วยความโกรธ .. เขาจับ-มือลูกชายมา
ตีอย่างแรง-ไปหลายที ...

not realizing he was using a wrench.
โดย ไม่ได้ตระหนัก..ว่า สิ่งที่เขาใช้ตี-คือ .ประแจ-ขันน็อต

At the hospital, the child lost all his
fingers due to multiple fractures.
ที่ รพ. ลูกชายของเขา-ต้องสูญเสียนิ้วมือ
ทั้งหมด เพราะ .. กระดูกแตก-ละเอียด .

When the child saw his father.
เมื่อเด็กชายเจอ พ่อ

with painful eyes he asked,
เขาถาม-พ่อด้วยสายตา ..อันเจ็บปวด

'Dad when will my fingers grow back?'
พ่อครับ! นิ้วผมจะงอกมาเหมือนเดิม .
เมื่อไหร่ ครับ

The man was so hurt and speechless;
ชายคนนั้น . เจ็บปวดมาก และ พูดไม่ออก

he went back to his car and kicked it a lot of times.
เขากลับไป เตะรถคันนั้น-หลายครั้ง .

Devastated by his own actions.
เขาได้ ทำลายมัน  ด้วยตัว-เขาเอง

sitting in front of that car he looked at the scratches;
เขานั่ง หน้ารถ แล้ว มองที่รอย ขีดข่วน

the child had written 'LOVE YOU DAD'.
ลูกชายเขา ... เขียนคำว่า ... " ผมรักพ่อ "

The next day that man committed suicide
วันรุ่งขึ้น เขา ..ก็ฆ่า-ตัวตาย

Anger and Love have no limits;
ความโกรธ และ ความรัก ไม่มีขีด-จำกัด

choose the latter to have a beautiful, lovely life.
จงเลือกสิ่งหลัง . เพื่อการอยู่อย่างงดงาม ...
และ อบ-อวลด้วย ... ความรัก ...

Things are to be used and people are to be loved.
สิ่งของ-ทั้งหลาย ... มีไว้เพื่อให้ใช้...
คน มีไว้เพื่อ ... ให้รัก ...

But the problem in today's world is that,
แต่ ... ปัญหาของโลก ... ในปัจุบัน ... คือ ...

People are used and things are loved.....
คนมีไว้-เพื่อถูกใช้งาน แต่ สิ่งของกลับเป็นที่รัก

In this year, let's be careful to keep this
thought in mind:
จากนี้-ไป ... ขอให้ พวกเรา ... ตั้งใจจดจำไว้ว่า

Things are to be used, but People are
to be loved.
สิ่งของทั้งหลาย .มีไว้เพื่อถูกใช้งาน .
และ คนมีไว้ .เพื่อเป็น-ที่รัก .

Watch your thoughts;
จงเฝ้าดู .ความคิดคุณ .

they become words.
เพราะ  มันจะกลาย-เป็นคำพูด .

Watch your words;
จงเฝ้า ระวังคำพูด .

they become actions.
เพราะ . มันจะกลาย ..เป็นการกระทำ ...

Watch your actions;
จงเฝ้าดู ... การกระทำ ...

they become habits.
เพราะ ... มันจะ-เป็นนิสัย ...

Watch your habits,
จงเฝ้าระวัง ... นิสัยคุณ ...

 they become character;
เพราะ ... มันจะเป็น ... บุคคลิก ...

Watch your character;
จงเฝ้าดู ... บุคคลิก ...

it becomes your destiny.
เพราะ ... มันจะบอก...ความเป็นตัวตน-ของคุณ

I'm glad a friend forwarded this to me as a reminder.
ฉันดีใจ ... ที่ เพื่อนส่งบทความนี้-มาช่วยเตือน

If you don't pass this on nothing bad will happen;
ถ้า-คุณไม่ส่งมันต่อ ... ก็ไม่ผิดอะไร ...

if you do, you might change someones life.
แต่ ... ถ้าส่งต่อ ... คุณอาจเปลี่ยนชีวิต ...
ใคร-บางคนได้ ...

I'm not a magician. She was not an
angel. Equal human
ฉัน-ไม่ใช่ผู้วิเศษ ... เธอก็-ไม่ใช่ ... เทวดา.
ก็มนุษย์-เท่ากัน

แด่...ลูก

"อ่านช้าช้า พิจราณาให้เข้าใจ เผื่อว่าชีวิตอาจจะหลงลืม อะไรไปบ้าง"...


วัยพ่อแม่นี้  ขี้ใจน้อย  เป็นยิ่งนัก
เมื่อลูกทัก  ว่าทำผิด  มันติดหู
นึกทีไร  น้ำตาล้น  จนร่วงพรู
จงเอ็นดู  เถิดหนา  อย่าบ่นเลย

เข่าก็อ่อน  แรงก็ล้า  ตามัวซ้ำ
ลูกช่วยค้ำ  พยุงบ้าง  อย่านั่งเฉย
ตอนลูกเล็ก  ปีนขี่คอ  พ่อยังเคย
อย่าละเลย ให้ชอกช้ำ  ระกำใจ

ลูกพูดไป  ฟังไม่ทัน  อย่าหันหนี
พูดอีกที  เถิดลูกรัก  อย่าผลักไส
หูมันแก่  ฟังลูกเล่า  ไม่เข้าใจ
จับความได้  กะพร่องกะแพร่ง  ชี้แจงที

ตอนลูกเล็ก  พูดซ้ำมา  ดูน่ารัก
ตอนนี้พ่อแม่  แก่นัก  ชักลืมถี่
พูดซ้ำซาก  มากมาย  ตั้งหลายที
ขอคนดี อย่าถือโทษ โกรธมากเกิน

ลูกงานหนัก  พ่อแม่ก็รู้  อยู่ว่าหนัก
ขอลูกรัก  พักคุยบ้าง  อย่าห่างเหิน
อยู่กับลูก  กับเมีย  เสียจนเพลิน
ขอแค่เดิน  มาถามไถ่  ในบางที

เรื่องสำลัก  ข้าวปลา  อาหารน้ำ
เกิดซากซ้ำ  จนระอา  น่าหน่ายหนี
ขอให้ลูก  จงอดทน  เถิดคนดี
แก่แล้วมี  ปัญหา  มาทุกคน

อีกไม่นาน  หรอกหนา  เวลาผ่าน
ความรำคาญ  ทั้งหลายแหล่  แม้สับสน
คงไม่กลับ  มาเกิดซ้ำ  ทำเวียนวน
เมื่อผ่านพ้น  พ่อแม่ลับ  ดับชีวิต

ขอให้ลูก ได้อยู่

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แม่

ลูกจ๋า อย่าส่งแม่ไปบ้านพักคนชราเลย! (อ่านให้ได้นะ)

ลูกสะใภ้พูดว่า “ทำจืด แม่ก็ว่าไม่มีรสชาติ ตอนนี้ทำเค็มนิดหนึ่ง แม่ก็ว่า กินไม่ได้ แล้วจะเอายังไง!”

เมื่อแม่เห็นลูกชายกลับมา ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่กลืนข้าวเข้าปาก ลูกสะใภ้มองตามด้วยความโกรธ

เมื่อลูกชายลองชิมอาหารที่แม่กำลังกิน ก็พูดกับภรรยาว่า
“ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าโรคของแม่กินเค็มมากไม่ได้?”

“เอาละ! ในเมื่อเป็นแม่ของคุณ วันหลังคุณก็ทำเองก็แล้วกัน” ลูกสะใภ้กล่าวด้วยความโมโห แล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องไป

ลูกชายเรียกตามด้วยความจนใจ จากนั้นก็หันมาพูดกับแม่ว่า
“แม่ครับ ไม่ต้องกินหรอก เดี๋ยวผมต้มบะหมี่ให้แม่กินนะครับ”

“ลูกมีอะไรจะพูดกับแม่ไหม? ถ้ามีก็บอกแม่เถอะ อย่าเก็บไว้เลย”แม่เห็นอาการกังวลของลูกชาย

“แม่ครับ เดือนหน้าผมได้เลื่อนตำแหน่ง เกรงว่าจะต้องมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เมียผมก็อยากออกไปทำงาน คือว่า....”
แม่รู้ทันทีว่าลูกชายจะพูดอะไรต่อ....

“อย่าส่งแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรานะลูก....” แม่พูดออกมาอย่างอ้อนวอน

ลูกชายนิ่งคิดไปนาน แต่ก็พยายามหาทางออกที่ดีกว่านี้

“แม่ครับ อยู่บ้านพักคนชราก็ดีนะแม่จะได้ไม่เหงา ที่นั่นมีคนดูแล ดีกว่าอยู่ที่บ้านนะครับ หากเมียผมไปทำงาน เธอจะไม่มีเวลาดูแลแม่เลยนะครับ”

หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาทานบะหมี่ จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องหนังสือ เขายืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง ในใจเกิดความสับสนขัดแย้ง ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี!

แม่ของเขาเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว กล้ำกลืนทนทุกข์เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ อีกทั้งส่งเสียให้เรียนยังต่างประเทศ แต่แม่ไม่ได้อ้างสิ่งที่ทำไปเป็นเบี้ยต่อรองให้เขาต้องเลี้ยงดู
 กลับกันภรรยาผู้มาทีหลังกลับเรียกร้องให้เขาต้องรับผิดชอบ นี่เขาต้องส่งแม่ไปอยู่บ้านพักคนชราจริงหรือ?

“คนที่จะอยู่กับแกในช่วงบั้นปลายชีวิตคือเมียนะโว้ย ไม่ใช่แม่!” เพื่อนๆมักจะเตือนเขาอย่างนี้

“แม่ของเธอแก่แล้วนะ หากโชคดีก็อยู่กับแกได้อีกหลายปี ทำไมไม่อาศัยเวลาที่เหลือของแม่แล้วก็กตัญญูปรนนิบัติท่านละ อย่ารอให้แกอยากกตัญญูแต่แม่ไม่อยู่แล้ว แล้วแกจะเสียใจ!” ญาติๆมักจะเตือนเขาว่าอย่างนี้

 เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อ กลัวว่าตนเองจะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจ

เย็นแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เขานั่งเงียบๆคนเดียวด้วยจิตใจที่หดหู่

ณ บ้านพักคนชราที่แสนจะหรูหรานอกชานเมือง เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดต่อแม่ของเขา อย่างน้อยที่นี่ก็สะดวกสบาย

เมื่อเขาพยุงแม่เข้าสู่ตัวอาคาร ทีวีจอยักษ์กำลังฉายภาพยนตร์ตลกอยู่ แต่ไม่มีเสียงหัวเราะจากผู้ชมแม้แต่คนเดียว คนชราจำนวนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน นั่งอยู่บนโซฟานั่งมองประตูทางเข้าด้วยสายตาอันเหม่อลอย หญิงชราคนหนึ่ง กำลังก้มตัวลงไปเก็บขนมที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาใส่ปาก

เขารู้ว่าแม่ชอบห้องที่สว่างโล่ง จึงเลือกห้องที่แสงพระอาทิตย์สามารถสาดส่องเข้ามาได้ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบไม้กำลังร่วงลงสู่พื้นหญ้าเป็นจำนวนมาก นางพยาบาลหลายคนกำลังเข็นรถเข็นที่มีคนชรานั่งอยู่ออกไปชมพระอาทิตย์ตกดิน รอบตัวเงียบสงัด ทำให้เขาสะท้านวาบในจิตใจ

แม้แสงพระอาทิตย์ยามลับขอบฟ้าจะงดงามสักเพียงใด นั่นก็หมายความว่าความมืดยามค่ำคืนกำลังจะย่างกรายเข้ามาแทนที่ เขาถอนหายใจเบาๆ

“แม่ครับ ผม....ต้องไปแล้วนะ” ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงแค่พยักหน้า

ตอนที่เขาเดินจากมา แม่ยังคงโบกมือลาด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย อ้าปากพูดโดยไม่มีเสียงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาหันมามอง จึงเห็นผมสีดอกเลาของแม่ เขานึกในใจ “แม่แก่แล้วจริงๆ”

อยู่ๆ ภาพในครั้งอดีตก็ผุดขึ้นในห้วงแห่งความคิด ปีนั้นเขาอายุได้เพียงแค่6ขวบ แม่มีธุระต้องไปต่างจังหวัด จึงต้องพาเขาไปฝากไว้ที่บ้านคุณลุง ตอนที่แม่จะออกจากบ้านไป เขารู้สึกกลัวมาก เอาแต่กอดขาแม่ไม่ยอมให้แม่ไป
“แม่จ๋าอย่าทิ้งหนูไป แม่จ๋าอย่าทิ้งหนูนะ!” สุดท้าย แม่ก็ไม่กล้าทิ้งเขาไปต่างจังหวัด
เขารีบก้าวเท้าเดินออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เมื่อปิดประตูแล้วก็ไม่กล้าหันไปมองแม่อีก

เมื่อกลับถึงบ้าน เขาเห็นภรรยาและแม่ยาย กำลังเก็บเอาข้าวของของแม่โยนออกมานอกห้อง
ถ้วยรางวัลรูปคนยืนสูงประมาณ3ฟุตที่เขาชนะเลิศประกวดเรียงความ “แม่ของฉัน”
พจนานุกรมอังกฤษจีนที่แม่ซื้อให้เขาในวันเกิด ซึ่งเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้รับจากแม่
ยังมียาหม่องน้ำที่แม่ต้องทาขาก่อนนอนทุกวันฯ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! พวกคุณโยนของๆแม่ผมออกมาทำไม?” เขาถามออกไปด้วยความโมโหสุดขีด

“ขยะทั้งนั้น ถ้าไม่ทิ้ง แล้วฉันจะเอาของๆฉันวางไว้ตรงไหน?” แม่ยายพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ใช่แล้ว คุณรีบเอาเตียงเน่าๆของแม่คุณไปทิ้งได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะซื้อเตียงใหม่ให้แม่ฉัน!”

รูปเก่าๆสมัยเขายังเด็กกองอยู่กับพื้น มันเป็นรูปที่แม่พาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์และสวนสนุก

“นั่นมันเป็นสมบัติของแม่ผม ใครก็เอาไปทิ้งไม่ได้!”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ มาทำเสียงดังกับแม่ฉันได้ยังไง ขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้!”

“ผมเลือกคุณก็ต้องรักแม่คุณด้วย แต่คุณแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านผม ทำไมคุณรักแม่ผมไม่ได้?”

ท้องฟ้าอันมืดมิดหลังฝนตก หนาวสะท้านเข้าไปถึงหัวใจ ท้องถนนที่ว่างเปล่าไร้รถรา บีเอ็มดับบลิวคันหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าราวกับอยู่ในสนามแข่ง พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ของชายคนหนึ่งซึ่งมุ่งไปทางบ้านพักคนชรานอกเมือง

จอดรถเสร็จ เขารีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องพักของแม่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขายืนมองแม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่น่าให้อภัยตัวเอง แม่ของเขาก้มหน้าใช้มือนวดที่ขาของตัวเอง
เมื่อแม่ของเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู ก็เห็นลูกชายของตัวเองยืนอยู่ และในมือถือยาหม่องน้ำอยู่ และก็พูดออกมาด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
“แม่ลืมเอามาด้วย ดีนะที่ลูกเอามาให้...”

เขาเดินไปหาแม่และคุกเข่าลงไป

“ดึกแล้วลูก แม่ทาเองได้ พรุ่งนี้ลูกต้องไปทำงานแต่เช้า กลับไปเถอะ!”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
“แม่ครับ ผมขอโทษ แม่ยกโทษให้ผมนะ กลับบ้านเราเถอะ!”

#########################

ลูกรัก ตอนที่เจ้ายังเด็ก แม่ใช้เวลาทั้งหมด ค่อยๆสอนให้เจ้าใช้ช้อนใช้ตะเกียบคีบอาหาร สอนเจ้าใส่รองเท้า สอนเข้ากลัดกระดุม สอนเจ้าใส่เสื้อผ้า อาบน้ำให้เจ้า เช็ดอุจาระปัสาวะให้เจ้า

 สิ่งเหล่านี้แม่ไม่เคยลืม
หากวันหนึ่ง แม่จำไม่ได้ หรือเริ่มพูดช้าลง ขอเวลาให้แม่สักหน่อย รอแม่ได้ไหม ให้แม่ได้คิด...บางครั้ง สิ่งที่แม่อยากจะพูดกับเจ้า แม่อาจจะพูดกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว

ลูกรัก ลูกจำได้ไหม แม่ต้องสอนเจ้ากี่ร้อยครั้งให้เจ้าพูดว่าคำว่าแม่ได้!
แม่ดีใจมากแค่ไหนที่เจ้าเริ่มพูดเป็นประโยคได้?
แม่ต้องตอบคำถามของเจ้ากี่ร้อยครั้ง กว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่เจ้าสงสัย!

ดังนั้น หากวันหนึ่ง แม่ถามเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเรื่องเดิมๆ ขอให้เจ้าอย่ารำคาญจะได้ไหม?
ตอนนี้แม่อาจกลัดกระดุมเสื้อไม่ได้ ยามกินข้าวอาจหกเลอะเสื้อผ้า เจ้าอย่าเอ็ดแม่ได้ไหม? ขอให้เจ้าอดทนและอ่อนโยนกับแม่ ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างๆแม่ แม่ก็รู้สึกอุ่นใจ

ลูกรัก วันนี้ขาของแม่เริ่มอ่อนแรง ยืนได้ไม่ค่อยนาน เดินเหินลำบาก ขอให้ลูกจับมือและพยุงแม่ไว้ เดินเป็นเพื่อนแม่จนวันที่แม่สิ้นใจ เหมือนวันที่เจ้าคลอดมา แม่ก็พยุงเจ้าเดินอย่างนี้เหมือนกัน !
     จำเขามาเล่า ขอบคุณเจ้าของบทความดีๆ ท่านอ่านแล้ว ท่านจะเก็บไว้คนเดียว หรือส่งต่อครับ